จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดผลกระทบคือ รอยแตกร้าวจากแผ่นดินไหวตามผนัง เสา หรือคานบ้าน ที่ทำให้หลายคนรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าอาศัยอยู่ที่เดิม ซึ่งประเภทของรอยแตกร้าวนั้นมีหลายรูปแบบ มีทั้งประเภทที่ไม่ได้ความเสียหายรุนแรง และแบบที่เป็นสัญญาณบอกว่าโครงสร้างนั้นเริ่มไม่แข็งแรง บทความนี้ NAP Paint ได้นำวิธีตรวจสอบ พร้อมวิธีการซ่อมอย่างถูกต้องมาฝาก เพื่อให้โครงสร้างบ้านกลับมาแข็งแรง ปลอดภัยหายห่วง และดูดีอีกครั้ง
ประเภทของรอยแตกร้าวจากแผ่นดินไหว สัญญาณเตือนที่ควรแก้ด่วน!
รอยร้าวโครงสร้างบ้านอาจเกิดจากอายุการใช้งาน ฐานราก การเสื่อมสภาพของวัสดุและโครงสร้างบ้าน รวมไปถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งหากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะยิ่งแก้ไขได้เร็ว และลดความกังวลในการอยู่อาศัยไปได้ไม่น้อย รอยร้าวแผ่นดินไหว แบบไหนที่เข้าข่ายอันตราย มาดูไปพร้อมกันเลย
รอยร้าวเส้นผม (Hairline Cracks)
เป็นรอยร้าวแผ่นดินไหวขนาดเล็ก คล้ายกับใยแมงมุมและเส้นผม มีความกว้างไม่เกิน 1 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นประเภทรอยร้าวภายในบ้านที่พบได้ทั่วไป อาจเกิดจากการทรุดตัวของบ้าน การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น ทำให้ปูนที่ฉาบไว้เกิดจากหดหรือขยายตัว ไม่ได้มีความอันตราย แต่ควรสังเกตความยาวและความกว้างของรอยอยู่เป็นประจำ
รอยร้าวแนวตั้ง (Vertical Cracks)
ลักษณะของรอยแตกร้าวที่ลากยาวตามแนวตั้งของผนัง ควรให้ช่างมาตรวจเช็กกรณีที่รอยแตกร้าวมีความกว้างมากกว่า 5 มิลลิเมตร หรือมีความชื้นเกิดขึ้นบริเวณรอย ซึ่งรอยแตกร้าวจากแผ่นดินไหวในขั้นนี้ถือว่ามีความเสี่ยงในระดับต่ำถึงปานกลาง
รอยร้าวแนวนอน (Horizontal Cracks)
รอยแตกร้าวแผ่นดินไหวที่ทอดยาวไปตามระนาบของผนัง จากซ้ายไปขวา เกิดจากการเคลื่อนตัวของโครงสร้างบ้านและแรงดันดินขยายตัว จนไปกดฐานรากของบ้าน สำหรับรอยร้าวประเภทนี้ ไม่ว่าจะมีความกว้างหรือความยาวเท่าไหร่ ควรให้ช่างเข้ามาประเมินความเสียหายโดยด่วน
รอยร้าวแนวเฉียง (Diagonal Cracks)
รอยแตกร้าวที่ทำมุมเฉียง 45 องศาจากระนาบผนังแนวตั้ง ทอดยาวจากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึ่ง เป็นสัญญาณอันตรายที่เกิดจากการทรุดตัวของฐานราก หรือน้ำหนักของโครงสร้างบ้านเกิดความเปลี่ยนแปลง ควรติดต่อให้ช่างเข้ามาตรวจเช็กความเสียหายโดยเร็วที่สุด
ขั้นตอนการซ่อมรอยร้าวแผ่นดินไหว แบบฉบับ NAP Paint
1. ล้างทำความสะอาดผิวผนัง
ล้างทำความสะอาดพื้นผิวผนัง โดยต้องล้างฝุ่น เศษปูน หรือคราบสกปรกต่าง ๆ ออกจนหมดก่อนซ่อม เพื่อให้วัสดุสามารถยึดเกาะผิวได้ดี
2. เปิดแผลเพิ่ม (ในกรณีรอยใหญ่)
กรณีที่เป็นรอยใหญ่และลึก จำเป็นต้องสกัดหรือเปิดรอยร้าวโครงสร้างบ้านเพิ่ม เพื่อให้มองเห็นรอยแตกร้าวชัดเจน และเตรียมพื้นผิวสำหรับการอุดซ่อมได้เต็มที่
3. ยิง Epoxy เสริมความแข็งแรง
ใช้อีพ็อกซี่เรซิ่น (Epoxy Injection) อุดรอยร้าวให้แน่น และในกรณีที่ร้าวทะลุถึงด้านใน จะต้องเสียบเหล็กเสริมเข้าไป เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างบ้าน
4. วางเหล็กเสริมแนวขวาง (กรณีรอยทะลุ)
หากเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่จนมองเห็นทะลุห้อง ต้องฝังเหล็กเสริมแนวขวางกับแนวรอยร้าว เพื่อให้สามารถรองรับแรงได้มากขึ้น ป้องกันการแตกร้าวซ้ำในอนาคต ก่อนอุดปูนและโป้วผิวทับ
5. แต่งผิวให้เรียบด้วย Skim Coat หรือตัวโป้วผนัง
หลังจากซ่อมโครงสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ปูนฉาบบาง (Skim Coat) หรือวัสดุโป้วผนังปรับพื้นผิวให้เรียบเนียน เตรียมความพร้อมสำหรับการทาสี
6. ทาสีใหม่ตามระบบที่เหมาะสม
เลือกสีที่เหมาะกับสภาพพื้นที่ เช่น สีภายนอกที่ทนแดด ทนน้ำสีภายในที่มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อราและใช้รองพื้นที่เหมาะสมก่อนลงสีจริง เพื่อให้ผนังกลับมาสวยเหมือนใหม่ และทนทานยิ่งกว่าเดิม
สรุป
ทุกคนอย่าลืมสังเกตและตรวจสอบรอยแตกร้าวจากแผ่นดินไหวภายในบ้านและคอนโดให้ละเอียด ยิ่งแก้ไขและซ่อมได้เร็วเท่าไหร่ โครงสร้างบ้านก็จะปลอดภัยและมีความแข็งแรงมากขึ้น แต่ถ้าคุณเจอรอยร้าวลึก และไม่มั่นใจว่าอันตรายแค่ไหน สามารถทักมาปรึกษา NAP Paint ได้ฟรี! จากประสบการณ์กว่า 30 ปี เรายินดีให้คำแนะนำและวิธีการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ด้วยบริการที่จริงใจและใส่ใจในทุกรายละเอียด
